การเกิดถ้ำ
ถ้ำ คืออุโมงค์ขนาดใหญ่ มักพบในหินปูน (limestone) ในอดีตเคยเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์และสัตว์ ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ถ้ำ เกิดจากน้ำฝนและธารน้ำใติดินไปทำละลายหินปูนให้เกิดเป็นโพรงและขยายตัวใหญ่ขึ้นจนเป็นถ้ำ ใช้เวลานานหลายล้านปีถ้ำที่อยู่สูงจะเกิดก่อน หินปูน เป็นหินตะกอน เกิดในทะเล ต่อมายกตัวสูงขึ้นเป็นภูเขา มักเกิดร่วมกับหินดินดาล (shale) หินปูน มีส่วนประกอบทางเคมีคือ CaCO3 เมื่อหยดน้ำกรดลงบนหินปูน ๆ จะละลาย,มีฟอง,มีควันและมีกลิ่นคัดจมูก หินปูน เมื่อถูกยกตัวสูงขึ้นเป็นภูเขา จะเกิดการบิดตัว,โค้งงอและแตกหัก เมื่อผุกร่อนจะแปรสภาพเป็นดินตะกอนเช่นเดียวกับหินดินดาล เมื่อดินตะกอนถูกน้ำชะล้างออกไป ทำให้เกิดโพรงหรือถ้ำในเวลาต่อมา หินปูน ที่ยกตัวขึ้นจากทะเลเป็นเทือกเขาสูง เกิดจากอิทธิพลของ
(1) การยกตัวของเปลือกโลก(plate technic)
(2) มีหินละลายร้อนใต้ภิภพ (magma)
ดันตัวขึ้นมาสู่เปลือกโลก หินปูน ผลจากการยกตัว จะทำให้หินปูนแตกหัก บิดตัว โก่งตัว หรือโค้งงออย่างมีระบบตามแรงที่มากระทำ หรืออาจไม่มีระบบ ถ้าแรงที่มากระทำเกิดขึ้นหลายครั้ง หลายๆทิศทาง และหลายๆขนาด และอาจเกิดหลายๆ ยุคก็ได้ หินปูน การพบ andesite dike แทรกตัวในเนื้อหินปูนและหินดินดาล เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่า มีหินหลอมละลายใต้พิภพดันตัวหรือแทรกตัวเข้ามา มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อโครงสร้างทางธรณีของหินปูน รวมทั้งการเกิดถ้ำและน้ำบาดาลในเวลาต่อมา
ถ้ำ ที่มีขนาดใหญ่ ย่อมบ่งบอกถึงน้ำฝนมีปริมาณมากและมีความเป็นกรดสูง อีกทั้งใช้เวลาการเกิดนาน ถ้ำคือ foot print หรือแหล่งบันทึกทางประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาและมนุษย์วิทยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น